Sales Cloud คืออะไร: ยกระดับงานขายให้ทรงพลังในปี 2025
ในปี 2025 ที่การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือดและลูกค้าคาดหวังการบริการที่รวดเร็วและเน้นประสบการณ์ส่วนตัว ทีมขายจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ช่วยจัดการข้อมูลลูกค้าและกระบวนการขายอย่างเป็นระบบ Sales Cloud จึงกลายเป็นโซลูชันสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ทันตลาด M intelligence จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า Sales Cloud คืออะไร มีคุณสมบัติเด่นใดบ้าง และเหตุใดถึงควรเลือกใช้ในองค์กร
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Sales Cloud
Sales Cloud คืออะไร
Sales Cloud เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักบนคลาวด์ของ Salesforce ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการและพัฒนากระบวนการขายโดยเฉพาะ ตั้งแต่การบันทึกข้อมูลลูกค้า (Leads/Contacts) การจัดการโอกาสในการขาย (Opportunities) ไปจนถึงการวิเคราะห์ประสิทธิภาพทีมขายและพยากรณ์ยอดขาย ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและระบบอัตโนมัติต่างๆ ทำให้ทีมขายสามารถโฟกัสที่การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้เต็มที่
คุณสมบัติเด่นของ Sales Cloud
1. การจัดการลูกค้า (Contact & Account Management)
-
เก็บข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด ทั้งประวัติการติดต่อ (Activity History) ประวัติอีเมล ความสนใจ และแหล่งที่มา (Lead Source)
-
สามารถเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้ากับบัญชีองค์กร (Account) เพื่อดูภาพรวมการทำธุรกิจของแต่ละบริษัท
-
มุมมองแบบ 360° ให้ทีมขายเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น กิจกรรมการขายที่ผ่านมา โอกาสในการขายที่ยังเปิดอยู่ และงานติดตาม (Tasks) แบบเรียลไทม์
2. การติดตามข้อมูลการขาย (Opportunity Management)
-
สร้างและติดตามโอกาสในการขายได้ตั้งแต่สเตจการพูดคุยเบื้องต้น (Qualification) ไปจนถึงการปิดการขาย (Closed-Won)
-
กำหนดมูลค่าโอกาส (Deal Amount) วันที่คาดว่าจะปิดการขาย และพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้อง ช่วยให้สามารถวางแผนงบประมาณและสต็อกสินค้าได้แม่นยำ
-
รายงานแบบ Kanban View แสดงภาพรวม Pipeline ทำให้ทีมขายเห็นโอกาสที่ต้องให้ความสำคัญก่อนหลัง และสามารถปรับกลยุทธ์ได้ทันที
3. การวิเคราะห์และพยากรณ์ยอดขาย (Sales Forecast & Analytics)
-
Dashboard และรายงานพร้อมตั้งค่าพารามิเตอร์ได้เอง เช่น ยอดขายตามไตรมาส แนวโน้มตามภูมิภาค หรือผลตอบแทนจากลูกค้าที่มีมูลค่าสูง
-
Forecasting Tools ช่วยทำนายยอดขายในอนาคตโดยอิงจากประวัติการขายและสถิติของทีม ข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจเรื่องงบประมาณและการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างสะดวก
-
Einstein Analytics (AI-Powered Insights) ในปี 2025 ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า คาดการณ์โอกาสปิดการขาย และเตือนให้ทีมขายติดตามโอกาสที่เสี่ยงจะหลุดก่อนใคร
4. การจัดการกระบวนการขายแบบอัตโนมัติ (Sales Process Automation)
-
สร้าง Workflow และ Approval Process อัตโนมัติ เช่น เมื่อสร้างโอกาสขายใหม่ ให้ส่งอีเมลแจ้งเตือนเซลส์ลีดโดยอัตโนมัติ หรือเมื่อโอกาสเข้าสู่สเตจ “Proposal” ให้ส่งงานไปยังทีมบัญชี
-
ใช้ Sales Path เพื่อกำหนดขั้นตอนในแต่ละสเตจของ Opportunity ช่วยให้ทีมขายทราบว่าในแต่ละช่วงควรกระทำอะไรบ้าง ลดโอกาสการพลาดขั้นตอนสำคัญ
-
รองรับการทำ CPQ (Configure-Price-Quote) ให้ทีมขายสามารถสร้างใบเสนอราคาได้ภายในไม่กี่คลิก ตั้งแต่การเลือกสินค้า การคำนวณส่วนลด จนถึงการสร้างเอกสารสัญญา
ประโยชน์ของการใช้ Salesforce Sales Cloud
เพิ่มประสิทธิภาพทีมขาย (Boost Sales Productivity)
- ด้วยมุมมองข้อมูลลูกค้าและโอกาสขายแบบเรียลไทม์ ทีมขายลดเวลาในการค้นหาข้อมูลเก่าและโฟกัสกับการพูดคุยเพื่อต่อยอดโอกาสได้ทันที
- ฟีเจอร์ Automation ช่วยลดงานแมนนวล เช่น การส่งอีเมลติดตามหรือจัดสเตจ Opportunity ให้ถูกต้อง ทำให้เซลส์ลีดมีเวลาปิดดีลมากขึ้น
ลดความซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาด (Minimize Manual Errors)
- ระบบ Validation Rules และ Duplicate Management ช่วยตรวจสอบข้อมูลซ้ำซ้อนหรือกรอกข้อมูลผิดรูปแบบก่อนบันทึก ช่วยให้ฐานข้อมูลลูกค้ามีคุณภาพ
- เมื่อข้อมูลถูกรวมศูนย์ใน Sales Cloud การสื่อสารระหว่างทีมขายและฝ่ายบริการก็เป็นไปอย่างเป็นระบบ ลดความสับสนและข้อมูลหลุด
พยากรณ์ยอดขายแม่นยำ (Accurate Sales Forecasting)
- ทีมบริหารสามารถดูภาพรวม Pipeline และยอดขายจากหลายมุมมอง เช่น ตามภูมิภาค ประเภทสินค้า หรือเซลส์ลีด ช่วยวางแผนเรื่องการผลิตและการจัดสรรทรัพยากร
- Einstein Analytics ช่วยคาดการณ์โอกาสปิดการขายโดยอัตโนมัติ ทำให้วางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขยายธุรกิจได้รวดเร็ว (Scalable & Flexible for Growth)
- ไม่ว่าคุณจะมีทีมขาย 5 คน หรือ 500 คน Sales Cloud สามารถปรับขนาดได้ตามจำนวนผู้ใช้งานและข้อมูลลูกค้าที่เติบโต
- Integration กับผลิตภัณฑ์อื่นใน Salesforce Ecosystem เช่น Marketing Cloud และ Service Cloud ทำให้การขยายฟังก์ชันเป็นไปอย่างราบรื่น
การทำงานร่วมกับระบบอื่นอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Integration)
- เชื่อมต่อกับ ERP, Accounting, Marketing Automation หรือระบบอื่นผ่าน API และ AppExchange ช่วยให้ข้อมูลไหลระหว่างระบบได้เรียลไทม์
- ตัวอย่างเช่น เมื่อโอกาสขายเปลี่ยนเป็น “Closed-Won” ระบบสามารถสร้าง Order ใน ERP อัตโนมัติ ลดขั้นตอนการโอนข้อมูลด้วยมือ
Sales Cloud เหมาะกับใครบ้าง?
-
ธุรกิจ B2B หรือ B2C ที่มีทีมขายหลายคน
ทีมขายที่ต้องติดตามลีดและโอกาสจำนวนมาก จำเป็นต้องมีเครื่องมือช่วยจัดระบบข้อมูลและกระบวนการขาย -
องค์กรที่ต้องการระบบ CRM ยืดหยุ่น
หากคุณต้องการกำหนดกระบวนการขายเฉพาะทาง หรือสร้างฟีเจอร์เสริม เช่น CPQ, การจัดการช่องทาง (Channel Management) Sales Cloud ตอบโจทย์ได้ครบ -
บริษัทที่ต้องการดูแลลูกค้าตั้งแต่จุดแรกจนปิดดีล
ทีมขายสามารถบันทึกกิจกรรม (Activities) การโทร การนัดหมาย หรืออีเมลทั้งหมดในที่เดียว ทำให้ติดตาม Customer Journey ได้อย่างครบวงจร -
ธุรกิจที่กำลังเติบโตและขยายทีมขายอย่างรวดเร็ว
เมื่อมีการเพิ่มเซลส์ลีดหรือเพิ่มข้อมูลลูกค้าใหม่ Sales Cloud สามารถสเกลได้ทันที โดยไม่ต้องโยกย้ายระบบ
สรุป
Sales Cloud คือแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับจัดการกระบวนการขายที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี 2025 ด้วยคุณสมบัติครบครันทั้งการจัดการลูกค้า การติดตามยอดขาย การวิเคราะห์เชิงลึก และการทำงานร่วมกับระบบต่างๆ ภายในองค์กร ทำให้ทีมขายสามารถโฟกัสกับการปิดดีลได้เต็มที่ ลดงานแมนนวล และพยากรณ์ยอดขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น หากคุณกำลังมองหาโซลูชัน CRM ที่จะยกระดับงานขายให้เป็นระบบและขับเคลื่อนธุรกิจ M intelligence พร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้ง Sales Cloud ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !
*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Salesforce (CRM) ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ