เมื่อพูดถึงการเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะธุรกิจ B2B ที่มีวงจรการซื้อซับซ้อน M Intelligence ร่วมมือกับ Salesforce เพื่อนำโซลูชัน Pardot หรือ Marketing Cloud Account Engagement มาใช้เสริมประสิทธิภาพแคมเปญ การสร้าง Lead และการสื่อสารแบบอัตโนมัติ ให้ทุกทีมทำงานได้แบบร่วมกันอย่างเป็นระบบ

Pardot คืออะไร?

Pardot หรือชื่อใหม่ว่า Marketing Cloud Account Engagement คือเครื่องมือ Marketing Automation ระดับองค์กร ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ ธุรกิจ B2B เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการกระบวนการดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นทาง (เช่น คนที่กรอกฟอร์ม สนใจสินค้า) ไปจนถึงการส่งต่อให้ฝ่ายขายเพื่อปิดการขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ

เครื่องมือนี้ โดดเด่นในการสร้าง Lead Nurturing Journey ผ่านการออกแบบ Workflow ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกค้า เช่น หากลูกค้าเปิดอีเมล → ส่งอีเมลถัดไป → คลิกลิงก์ → ให้คะแนน Lead สูงขึ้น → ส่งต่อให้ทีมขายทันที ฯลฯ ทุกอย่างสามารถตั้งค่าให้ทำงานอัตโนมัติได้ทั้งหมด

ทำไม Pardot จึงเหมาะกับ B2B?

ในธุรกิจ B2B ที่การตัดสินใจซื้อมีความซับซ้อน ใช้เวลานาน และมีหลายผู้มีส่วนร่วม (stakeholders) การส่งเนื้อหาที่ “เหมาะกับแต่ละช่วงเวลา” คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ

Pardots จึงออกแบบมาให้สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้:

• วิเคราะห์และให้คะแนน Lead (Scoring & Grading) เพื่อคัดกรองว่าใครมีแนวโน้มซื้อจริง

• ติดตามพฤติกรรมแบบละเอียด เช่น ดูว่าลูกค้าเคยเปิดอีเมลไหน คลิกอะไรบนเว็บ อ่านบทความหรือดาวน์โหลดเอกสารหรือไม่

• เชื่อมโยงกับ Salesforce CRM แบบ Real-time ทำให้ทีมขายเห็นข้อมูลที่ทีมตลาดทำไว้ทั้งหมดโดยไม่ต้องขอไฟล์หรือคุยซ้ำ

การทำงานของ Pardot ในเชิงเทคนิค

1. สร้าง Landing Page หรือ Form ที่ฝังไว้ในเว็บไซต์ เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าใหม่

2. ข้อมูลจะถูกส่งเข้าสู่ Pardot และสามารถถูก Segment ทันที เช่น แยกตามอุตสาหกรรม ขนาดองค์กร หรือพฤติกรรม

3. ระบบสามารถกำหนด Automation Rules เช่น ใครที่คลิกในอีเมล → ส่งเนื้อหาที่เจาะลึกขึ้น / ถ้าไม่เปิดอีเมล → ลองเปลี่ยนหัวเรื่องในครั้งถัดไป

4. เมื่อ Lead ได้คะแนนถึงระดับที่ตั้งไว้ → ส่งข้อมูลเข้าสู่ Salesforce เพื่อให้ทีมขายติดต่อ

การผสานระหว่าง Pardot กับ Salesforce

หนึ่งในจุดแข็งที่สุดของ Pardots คือการ เชื่อมต่อกับ Salesforce CRM ได้อย่างไร้รอยต่อ ข้อมูลจากฝั่งการตลาด เช่น การเปิดอีเมล การเข้าหน้าเว็บ หรือการดาวน์โหลด eBook จะไปปรากฏในหน้า Account หรือ Contact ที่ทีมขายใช้งานอยู่ ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันแบบ “ทีมเดียวกันจริง ๆ”

• ทีมการตลาดรู้ว่าควรส่งแคมเปญแบบไหน

• ทีมขายรู้ว่าลูกค้าคนนี้สนใจอะไรและอยู่ในขั้นไหนของกระบวนการซื้อ

ฟีเจอร์หลักของ Pardot ที่ธุรกิจต้องรู้

ในยุคที่การตลาด B2B ต้องแข่งกันด้วย “ความเข้าใจลูกค้า” และ “ความเร็วในการปิดการขาย” Pardots กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ต่อไปนี้คือฟีเจอร์หลักที่ทุกองค์กรควรรู้:

1. Lead Nurturing & Scoring
Pardots มีระบบ Lead Scoring และ Grading ที่ช่วยจัดลำดับความสำคัญของลูกค้าแต่ละราย โดยพิจารณาทั้งพฤติกรรม (เช่น การเปิดอีเมล การเข้าเว็บไซต์) และข้อมูลคุณสมบัติ (เช่น ตำแหน่งงาน อุตสาหกรรม) เพื่อให้ทีมขายสามารถโฟกัสไปที่ “กลุ่มเป้าหมายที่พร้อมเจรจา” ได้ทันที ลดเวลาในการคัดกรองและเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

2. Email Marketing Automation
สามารถออกแบบและส่งอีเมลอัตโนมัติแบบ Personalize ตามพฤติกรรมของผู้รับ เช่น ส่งอีเมลต้อนรับ, โปรโมชั่น หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง โดยระบบจะติดตามอัตราเปิด (Open Rate), คลิก (CTR) และปฏิกิริยาของผู้ใช้งานแบบละเอียด เพื่อให้คุณสามารถปรับแคมเปญให้ดีขึ้นในทุกครั้งที่ส่ง

3. Landing Pages & Forms
Pardots ช่วยสร้าง Landing Page และแบบฟอร์มที่สวยงามโดยไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเชื่อมต่อกับ Salesforce CRM โดยตรง ข้อมูลที่ลูกค้ากรอกเข้ามาจะเข้าสู่ระบบทันที พร้อมเริ่มกระบวนการ Nurture ได้ทันที ช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างเห็นผล

4. Segmentation & Automation Rules
คุณสามารถแบ่ง Segment ตามพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างละเอียด เช่น ลูกค้าที่เปิดอีเมลแต่ไม่คลิก, ผู้ที่ดาวน์โหลด eBook, หรือผู้ที่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ ระบบจะตั้งกฎอัตโนมัติให้ส่งอีเมล Follow-up, ปรับเนื้อหา, หรือแจ้งเตือนฝ่ายขายโดยอัตโนมัติได้ทันที

5. Engagement Studio
หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Pardots คือเครื่องมือสร้าง Workflow แบบ Drag-and-Drop ที่ช่วยให้ทีมการตลาดวางแผน Journey ของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ สามารถดูภาพรวมได้แบบ Visual และปรับเนื้อหาให้เหมาะกับจังหวะของลูกค้า เช่น อยู่ในขั้นสนใจ หรือกำลังพิจารณาซื้อ

6. Analytics & ROI Reporting
การวัดผลคือหัวใจของการตลาด B2B Pardots มาพร้อม Dashboard และรายงานแบบเจาะลึกที่สามารถวัดผลได้ตั้งแต่แคมเปญ, Engagement ไปจนถึง ROI และ Pipeline ที่เกิดจากแคมเปญนั้น ๆ โดยเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ Salesforce Sales Cloud เพื่อให้ทีมบริหารสามารถดูผลลัพธ์แบบ End-to-End ได้ทันที

เหมาะกับใคร? ใครควรใช้ Pardot?

Pardots เหมาะกับธุรกิจที่:

• เน้นขายแบบ B2B หรือมี Sales Cycle ที่เรียงลำดับ

• ต้องการระบบที่เน้น lead generation และ lead nurturing

• มีทีมขายและการตลาดที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

• ต้องการระบบที่วัดและเชื่อมต่อยอดขายกับการตลาดได้อัตโนมัติ

นอกจากธุรกิจ B2B แล้ว Pardots ยังรองรับธุรกิจขนาดกลางที่เน้นการรักษาความสัมพันธ์ลูกค้าอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย

วิธีเริ่มต้นใช้งาน Pardots อย่างมีประสิทธิภาพ

1. กำหนด Objectives เช่น เพิ่มจำนวน Lead, ลดระยะเวลาปิดการขาย หรือเพิ่ม ROI ของแคมเปญ

2. Train ทีมงาน ให้ใช้ Engagement Studio, Automation Rules, และ Integration กับ Salesforce ได้อย่างเต็มศักยภาพ

3. ตรวจสอบการ sync ข้อมูล ระหว่าง Pardots และ Salesforce CRM เพื่อให้ข้อมูลเรียลไทม์และแม่นยำ

4. วิเคราะห์ผลลัพธ์ อย่างต่อเนื่องผ่าน Dashboard และรายงานของ Pardots และ Salesforce

ถึงเวลาเพิ่มโอกาสด้วย Pardot แล้วหรือยัง?

หากธุรกิจของคุณมองหาวิธีเพิ่มโอกาสในการขายโดยไม่เพิ่มต้นทุน คนที่ต้องทำ Marketing Automation แบบ B2B และต้องการให้ทีมการตลาดและฝ่ายขายทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว Pardots คือคำตอบ

ไม่ว่าคุณจะเริ่มจากสร้าง Lead ด้วย Landing Page, ส่ง Email Nurture อัตโนมัติ, หรือวัดผลแคมเปญแบบเรียลไทม์ ตอนนี้คือเวลาที่ดีที่สุดในการก้าวเข้าสู่โลกของ Pardots และ Salesforce

M Intelligence ผู้เชี่ยวชาญด้าน Pardot และ Salesforce สำหรับธุรกิจคุณ

M Intelligence พร้อมให้คำปรึกษา วางกลยุทธ์ติดตั้งระบบ Pardot และ Salesforce ตั้งแต่เริ่มต้นจนใช้งานจริง ทั้งในด้าน:

• Lead Management

• Engagement Automation

• Salesforce Integration

• การวัด ROI และการเชื่อมทีมขาย-การตลาดให้ทำงานร่วมกัน

หากคุณต้องการสร้างระบบ Marketing Automation ที่ช่วยเพิ่มโอกาสขายในระยะยาว เริ่มต้นกับ M Intelligence และ Salesforce วันนี้ เพื่อให้ธุรกิจคุณเติบโตอย่างภาคภูมิใจ

ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Salesforce (CRM) ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ