Skip links
5 ข้อดีของการมี Salesforce

5 ข้อดีของการมี ระบบ Salesforce

ในยุคที่ข้อมูลลูกค้าคือทรัพย์สินสำคัญของธุรกิจ การมีระบบจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าที่ทรงพลังยิ่งกว่าการเก็บสเปรดชีตธรรมดา จะช่วยปลดล็อกศักยภาพในการสร้างยอดขายและยกระดับประสบการณ์ลูกค้าได้อย่างเต็มรูปแบบ M intelligence พาคุณไปรู้จักกับ Salesforce แพลตฟอร์ม CRM ชั้นนำที่จะเปลี่ยนข้อมูลลูกค้าให้กลายเป็นกลยุทธ์เชิงรุก พร้อมเผย 5 ข้อดีที่จะทำให้ ระบบ Salesforce เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า

Salesforce คืออะไร

ระบบ Salesforce เป็นแพลตฟอร์ม CRM (Customer Relationship Management) บนคลาวด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ด้วยแนวคิด SaaS (Software as a Service) ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องติดตั้งหรือดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ทุกที่ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนมือถือโดยตรง ระบบของ Salesforce ถูกออกแบบให้เป็นแบบมัลติเทนเนนต์ (multi-tenant) จึงสามารถรองรับลูกค้าจำนวนมหาศาลและอัปเดตเวอร์ชันใหม่ได้พร้อมกันทั้งหมด

ภายใน Salesforce ประกอบด้วยโมดูลสำคัญต่างๆ เช่น

  • Sales Cloud สำหรับจัดการกระบวนการขาย ตั้งแต่การสร้างลีด (Lead) ติดตามโอกาส (Opportunity) ไปจนถึงการปิดการขาย (Close Deal)

  • Service Cloud สำหรับทีมบริการลูกค้า ช่วยให้การติดตามเคส (Case) การจัดลำดับความสำคัญ และการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

  • Marketing Cloud ที่ช่วยวางแผน สร้าง และติดตามแคมเปญการตลาดอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย หรือข้อความ SMS

  • Commerce Cloud, Community Cloud, Analytics Cloud และอีกหลายโมดูล ที่ตอบโจทย์การทำงานในแต่ละส่วนขององค์กร

นอกจากนี้ Salesforce ยังมีระบบนิเวศ AppExchange ซึ่งเป็นตลาดแอปเสริมให้เลือกติดตั้งเพื่อขยายขีดความสามารถได้ตามต้องการ ทั้งแอปพลิเคชันสำเร็จรูปที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (BI), ระบบอีคอมเมิร์ซ, เครื่องมือบริหารจัดการโครงการ หรือฟีเจอร์เฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้บริษัทสามารถปรับแต่ง (customize) ระบบให้สอดคล้องกับกระบวนการภายในได้อย่างยืดหยุ่น

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Salesforce จึงกลายเป็นแพลตฟอร์ม CRM อันดับหนึ่งของโลก ที่ธุรกิจทุกขนาดเลือกใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานข้ามทีม และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

ความสำคัญของการใช้ Salesforce

  • การรวมข้อมูลในระบบเดียว: ด้วยการเก็บข้อมูลลูกค้าทั้งหมดไว้ในคลาวด์ ผู้ใช้งานทุกฝ่าย (Sales, Marketing, Service) จึงเห็นภาพเดียวกันของลูกค้า ทำให้ไม่เกิดข้อมูลซ้ำซ้อนหรือสับสน

  • ขับเคลื่อนการตัดสินใจด้วยข้อมูล: Salesforce มีแดชบอร์ดและรายงานเชิงลึกที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า แนวโน้มการซื้อ และผลงานทีมขายแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • รองรับการเติบโตที่ยืดหยุ่น: ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายหน่วยงาน Salesforce สามารถปรับขยายโมดูลและจำนวนผู้ใช้ได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไอทีเพิ่มเติม

  • นวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: แพลตฟอร์ม Salesforce มีระบบนิเวศค์ AppExchange ซึ่งเป็นตลาดแอปพลิเคชันเสริมที่พัฒนาจากพันธมิตร ทำให้ธุรกิจสามารถติดตั้งฟีเจอร์เสริมได้ทันทีโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเอง

5 ข้อดีของการมีระบบ Salesforce

หากคุณกำลังมองหาวิธียกระดับการจัดการลูกค้าและขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี CRM ชั้นนำ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ Salesforce แพลตฟอร์ม CRM ชั้นนำที่จะเปลี่ยนข้อมูลลูกค้าให้กลายเป็นกลยุทธ์เชิงรุก พร้อมเผย 5 ข้อดีที่จะทำให้ระบบ Salesforce เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า

1. เพิ่มยอดขาย (Increase Sales Revenue)
ระบบติดตามโอกาสในการขาย (Opportunity Management) ของ Salesforce ช่วยให้ทีมขายเห็นภาพรวมของกระบวนการขายทั้งหมดแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่การสร้างลีดจนถึงการปิดการขาย ด้วยข้อมูล Pipeline ที่อัปเดตอัตโนมัติ เซลส์จึงสามารถจัดลำดับความสำคัญ (Lead Scoring) ของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้โฟกัสไปยังลูกค้าที่มีแนวโน้มปิดดีลสูงที่สุดก่อน นอกจากนี้ ฟีเจอร์อัตโนมัติ (Sales Automation) เช่น การสร้างใบเสนอราคา (Quote) และสัญญา (Contract) ในรูปเทมเพลตสำเร็จรูป ช่วยลดภาระงานเอกสารให้เซลส์มีเวลาไปโฟกัสกับการเจรจามากขึ้น

2. ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า (Improve Customer Experience)
ด้วย Service Cloud ของ Salesforce ทีมบริการลูกค้าสามารถติดตามเคส (Case Management) ได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ลูกค้าส่งคำขอจนถึงปิดเคส โดยระบบจะแสดงประวัติการติดต่อและข้อร้องเรียนทั้งหมดในหน้าเดียว ช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปโดยไม่ซ้ำซ้อน ฟีเจอร์ Omni-Channel Routing ยังช่วยส่งตั๋วบริการ (Support Ticket) ไปยังเจ้าหน้าที่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าได้รับคำตอบภายในระยะเวลาที่สั้นลง ลดความไม่พอใจและเสริมสร้างความประทับใจในบริการหลังการขาย

3. ประหยัดเวลา (Save Time with Automation)
Salesforce มาพร้อมกับ Workflow และ Process Builder ที่ช่วยตั้งค่าอัตโนมัติสำหรับกระบวนการต่างๆ เช่น เมื่อมีลีดใหม่เข้ามา ระบบจะส่งอีเมลแจ้งเตือนหัวหน้าทีมขายโดยอัตโนมัติ หรือเมื่อเคสลูกค้าเกินระยะเวลาที่กำหนด ระบบจะทำการ Escalation แจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลระดับสูง โดยไม่ต้องอาศัยการตรวจสอบด้วยคน นอกจากนี้ การใช้เทมเพลตอีเมลและลิงก์การเสนอขาย (Email Templates & Quote Templates) ช่วยให้ทีมงานไม่ต้องสร้างเอกสารซ้ำ ๆ ให้เสียเวลา ทำให้เซลส์และเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าสามารถโฟกัสไปที่งานที่สร้างมูลค่าได้มากขึ้น

4. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Enhance Team Collaboration & Productivity)
Chatter ซึ่งเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กภายในของ Salesforce เปิดโอกาสให้ทีมงานสามารถอภิปราย แชร์ไฟล์ และติดตามความคืบหน้าของโปรเจกต์ได้แบบเรียลไทม์ สมาชิกแต่ละคนจะเห็นข้อมูลลูกค้าและความเคลื่อนไหวล่าสุดในหน้าเดียวกัน ช่วยลดการสื่อสารที่ซ้ำซ้อนและลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ฟีเจอร์การจัดการโครงการ (Project Management) ภายใน Salesforce ยังช่วยให้ทั้งทีมขายและทีมบริการสามารถวางแผน กำหนดงาน และติดตามสถานะงานได้อย่างมีระบบ ส่งผลให้แต่ละหน่วยงานทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น

5. เติบโตทางธุรกิจ (Enable Sustainable Business Growth)
ข้อมูลเชิงลึกจากรายงานและแดชบอร์ด (Reports & Dashboards) ของ Salesforce ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของยอดขาย ต้นทุน และประสิทธิภาพทีมงานแบบเรียลไทม์ การแสดงผลข้อมูลเหล่านี้อย่างเป็นระบบทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้ทันเหตุการณ์ พร้อมกันนี้ สถาปัตยกรรมคลาวด์ของ Salesforce ยังรองรับการขยายตัวทั้งในแง่จำนวนผู้ใช้และปริมาณข้อมูล เมื่อธุรกิจเติบโตเป็นพันหรือหมื่นคน ระบบก็ยังสามารถสเกลได้โดยไม่กระทบประสิทธิภาพ ทำให้ลูกค้ายังคงได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องแม้ธุรกิจจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว

สรุปทำไมธุรกิจไม่ควรมองข้าม ระบบ Salesforce

Salesforce เป็นแพลตฟอร์ม CRM บนคลาวด์ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนโครงสร้างไอทีหรือดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง ทำให้ทีมขาย ทีมการตลาด และทีมบริการลูกค้าสามารถสื่อสารและประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพผ่านฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Sales Cloud, Service Cloud, Marketing Cloud และ Chatter การทำงานร่วมกันข้ามทีมนี้ช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อน เพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองลูกค้า และสร้างประสบการณ์ที่ต่อเนื่องให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ Salesforce ยังมีความยืดหยุ่นสูงในการปรับแต่งระบบตามความต้องการของธุรกิจผ่าน AppExchange ซึ่งเป็นตลาดแอปเสริม ทำให้สามารถติดตั้งโมดูลอีคอมเมิร์ซ เครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึก หรือโซลูชันเฉพาะอุตสาหกรรมได้ทันที พร้อมกับแดชบอร์ดและรายงานเรียลไทม์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับยอดขาย อัตราการปิดดีล และแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า ช่วยให้ผู้บริหารสามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังรองรับการเติบโตในทุกขนาดธุรกิจ สามารถขยายจำนวนผู้ใช้และปริมาณข้อมูลได้ตามต้องการโดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบใหม่ เมื่อพิจารณาจากทั้งการเข้าถึงข้อมูลที่ง่าย ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเชิงลึก Salesforce จึงเป็นเครื่องมือที่ธุรกิจไม่ควรมองข้ามหากต้องการสร้างความได้เปรียบและเติบโตอย่างยั่งยืน

หากคุณต้องการ ระบบ Salesforce ที่ช่วยให้ทีมงานทุกฝ่ายทำงานได้คล่องตัวขึ้น ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม M intelligence พร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้งแพลตฟอร์ม Salesforce ให้ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณอย่างครบวงจร

ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Salesforce (CRM) ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

 

Contact Form