3 ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ Manufacturing Business ไม่เติบโตอย่างที่หวัง
ในยุคที่อุตสาหกรรมการผลิตเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ต้นทุนที่ผันผวน และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่ยังใช้ระบบหลังบ้านแบบเดิม มักเผชิญปัญหาในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง M Intelligence ในฐานะพาร์ตเนอร์ของ Salesforce มีบทบาทสำคัญในการช่วย Manufacturing Business ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยโซลูชันที่ช่วยให้เห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ จัดการกระบวนการขายและบริการได้แม่นยำ และวางแผนการเติบโตอย่างยั่งยืน
บทความนี้จะพาไปเจาะลึก 3 ปัญหาใหญ่ที่มักฉุดรั้งการเติบโตของธุรกิจการผลิต พร้อมแนวทางแก้ไขที่นำไปใช้ได้จริง
ปัญหา 1: ข้อมูลกระจัดกระจาย ทีมขายไม่มีภาพรวมของลูกค้า
หนึ่งในอุปสรรคที่พบได้บ่อยในธุรกิจภาคการผลิต คือ การที่ข้อมูลลูกค้าถูกเก็บไว้ในหลายที่ เช่น ไฟล์ Excel, ระบบ ERP, บันทึกกระดาษ หรืออยู่กับทีมขายรายบุคคล ซึ่งทำให้เกิดปัญหาดังนี้:
-
ขาดภาพรวมของลูกค้าในมุม 360 องศา
-
ไม่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมหรือแนวโน้มการซื้อซ้ำ
-
ทีมขายใหม่ไม่สามารถสานต่อความสัมพันธ์จากทีมเดิมได้
-
ทีมการตลาดไม่สามารถออกแบบแคมเปญที่เจาะจงและมีประสิทธิภาพได้
ผลลัพธ์: ความล่าช้าในการตอบสนองลูกค้า ความคลาดเคลื่อนของข้อมูล และโอกาสในการขายที่หลุดลอยไป
แนวทางแก้ไข:
การนำระบบ CRM เช่น Salesforce Sales Cloud มาใช้ จะช่วยรวมข้อมูลทุกฝ่ายไว้ในศูนย์กลางเดียว ทำให้ทุกทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าทั้งอดีตและปัจจุบันได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นประวัติการซื้อ เอกสารการเสนอราคา หรือแม้แต่โน้ตจากฝ่ายขาย
เมื่อข้อมูลเป็นหนึ่งเดียว การวางกลยุทธ์สำหรับลูกค้าแต่ละรายจึงแม่นยำมากขึ้น ทีมสามารถให้บริการอย่างต่อเนื่องแม้เปลี่ยนผู้ดูแล และเพิ่มโอกาสปิดการขายได้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปัญหา 2: การคาดการณ์ยอดขายและวางแผนการผลิตไม่แม่นยำ
Manufacturing Business มีจุดตัดที่สำคัญระหว่าง “ฝ่ายขาย” และ “ฝ่ายผลิต” การวางแผนสต็อกหรือการผลิตที่ผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย สามารถส่งผลกระทบทั้งต่อกำไรและความสัมพันธ์กับลูกค้า
หลายโรงงานพึ่งพาการคาดการณ์ยอดขายจากอดีตหรือประสบการณ์ของทีมขายเท่านั้น ทำให้:
-
เกิดการผลิตมากเกิน (Overstock) หรือผลิตไม่ทันความต้องการ
-
ต้นทุนในการจัดเก็บหรือขนส่งพุ่งสูง
-
ลูกค้าได้รับสินค้าล่าช้า หรือสั่งแล้วไม่ได้รับตามกำหนด
-
ข้อมูลจากฝ่ายขายไม่ได้เชื่อมโยงกลับมาที่ฝ่ายวางแผนแบบเรียลไทม์
แนวทางแก้ไข:
การใช้ Salesforce ร่วมกับระบบ ERP หรือ MRP จะช่วยให้ข้อมูลจากฝ่ายขาย เช่น ใบเสนอราคา, โอกาสทางการขาย, หรือคำสั่งซื้อที่ใกล้ปิด สามารถถูกดึงเข้าระบบวางแผนการผลิตโดยอัตโนมัติ
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วย AI ของ Salesforce (Einstein Forecasting) คุณสามารถคาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำมากขึ้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลจริง ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของทีมขายอีกต่อไป ลดความเสี่ยงในการผลิต และช่วยให้ฝ่ายผลิตและคลังสินค้าเตรียมการล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัญหา 3: ขาดระบบติดตามหลังการขายและการบริการลูกค้า
ในธุรกิจภาคการผลิต ความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่ขายสินค้าให้ได้ครั้งเดียว แต่ต้องสามารถดูแลหลังการขาย ซ่อมบำรุง และให้บริการอย่างต่อเนื่อง
หลายธุรกิจไม่มีระบบติดตามหลังการขายที่ชัดเจน เช่น:
-
การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ไม่มีการบันทึกประวัติ
-
ลูกค้าต้องติดต่อหลายฝ่ายเพื่อขอรับบริการ
-
ไม่มีระบบแจ้งเตือนหรือจัดลำดับความสำคัญของงานบริการ
-
ฝ่ายบริการไม่ได้รับข้อมูลจากฝ่ายขาย เช่น สเปคที่ลูกค้าสั่งพิเศษ
แนวทางแก้ไข:
การใช้ Salesforce Service Cloud จะช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานได้บนระบบเดียวกัน มีการบันทึกทุก Ticket ที่ลูกค้าแจ้งเข้ามา พร้อมระบบ Assignment และ SLA เพื่อให้บริการได้อย่างมีมาตรฐานและตรงเวลา
มากไปกว่านั้น หากใช้ร่วมกับ Field Service จาก Salesforce จะสามารถจัดตารางนัดหมายช่าง ตรวจสอบสถานะงานซ่อม และส่งรายงานหลังการซ่อมให้ลูกค้าได้ทันที สร้างความพึงพอใจและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ในระยะยาว
แนวโน้มของ Manufacturing Business ในยุคดิจิทัล
ในปี 2025 การเติบโตของ Manufacturing Business ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตหรือจำนวนแรงงานเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับ “ความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูล” ระหว่างทุกฝ่ายในองค์กร ตั้งแต่หน้าร้านจนถึงหลังบ้าน และจากระดับบริหารจนถึงสายการผลิต
เมื่อความเร็วในการตัดสินใจกลายเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ธุรกิจที่ยังพึ่งการทำงานแบบ Manual หรือข้อมูลกระจัดกระจาย ย่อมไม่สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้าได้ทัน
1. เชื่อมระบบ ERP + CRM ให้เห็นภาพแบบ End-to-End
องค์กรที่ใช้ ERP ในการจัดการผลิต และ CRM ในการดูแลลูกค้าแยกกัน จะพบปัญหาเมื่อข้อมูลไม่สอดคล้อง เช่น ฝ่ายขายไม่รู้ว่าสินค้าในสต็อกมีเพียงพอหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายผลิตไม่ทราบว่ามีคำสั่งซื้อเร่งด่วนจากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาหรือยัง
การเชื่อมระบบ ERP กับ Salesforce CRM ช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถเห็นภาพรวมของกระบวนการตั้งแต่ใบเสนอราคาไปจนถึงการส่งมอบ (Quote-to-Cash) ได้อย่างชัดเจนในที่เดียว ลดความผิดพลาด เพิ่มความแม่นยำ และเร่งรอบการปิดดีล
2. ใช้ AI วิเคราะห์แนวโน้มและคาดการณ์ยอดขาย
ด้วยข้อมูลขนาดใหญ่จากหลายช่องทาง การใช้ AI เข้ามาช่วยในกระบวนการวิเคราะห์และคาดการณ์ยอดขายกลายเป็นสิ่งจำเป็น Salesforce มีระบบ Einstein AI ที่สามารถ:
-
ทำนายว่ายอดขายในเดือนหน้า/ไตรมาสหน้า จะสูงหรือต่ำแค่ไหน
-
ค้นหากลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะสั่งซื้อซ้ำหรืออาจจะเลิกซื้อ
-
แนะนำการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละเซกเมนต์
สิ่งนี้ช่วยให้ Manufacturing Business วางแผนการผลิตและสต็อกได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
3. ปรับแผนการผลิตตาม Real-time Demand
ในอดีต แผนการผลิตถูกกำหนดจากยอดขายย้อนหลังหรือประมาณการณ์แบบกว้าง ๆ แต่วันนี้ การเปลี่ยนแปลงของตลาดเกิดขึ้นแบบวันต่อวัน ลูกค้าคาดหวังการตอบสนองที่รวดเร็ว
เมื่อเชื่อมข้อมูลจาก CRM เข้ากับระบบการผลิตแบบเรียลไทม์ ธุรกิจสามารถปรับการจัดสรรทรัพยากร เครื่องจักร หรือแรงงานให้เหมาะกับออร์เดอร์ล่าสุดได้ทันที ลดความสูญเสียจากการผลิตเกิน และป้องกันสินค้าขาดสต็อกในจังหวะสำคัญ
4. ใช้ Data Visualization เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ
การมีข้อมูลมากไม่สำคัญเท่าการ “เห็นภาพรวมได้ชัดเจน” เครื่องมืออย่าง Tableau (แพลตฟอร์ม Business Intelligence ที่อยู่ภายใต้ Salesforce) ช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานทุกระดับสามารถ:
-
ดูยอดขายแบบ Real-time
-
เปรียบเทียบความสามารถในการผลิตกับคำสั่งซื้อ
-
วิเคราะห์ผลกระทบจากการตลาดแบบทันที
-
ระบุปัญหาในกระบวนการผลิตได้ก่อนจะลุกลาม
อินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่ายทำให้แม้แต่ทีมที่ไม่ใช่สายเทคนิคก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ใช้ Marketing Automation เชื่อมต่อกับลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง
Manufacturing Business ที่ต้องติดต่อกับลูกค้ารายใหญ่ หรือดีลเลอร์จำนวนมาก ต้องบริหารการสื่อสารอย่างมีระบบ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งโปรโมชันสินค้าใหม่ การให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ หรือการติดตามผลหลังการขาย
ด้วย Marketing Cloud จาก Salesforce ธุรกิจสามารถทำ Email Marketing หรือ LINE Automation โดยปรับข้อความให้ตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละราย โดยอิงจากข้อมูลการซื้อครั้งก่อน ประเภทสินค้า หรือพฤติกรรมการตอบสนองในแคมเปญก่อนหน้า
ผลลัพธ์คือ ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลแบบรายบุคคล และมีแนวโน้มกลับมาซื้อซ้ำหรือทำสัญญาเพิ่มสูงขึ้น
M Intelligence พาร์ตเนอร์เพื่อการเติบโตของ Manufacturing Business
M Intelligence คือผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมเคียงข้างธุรกิจการผลิตในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นใจ ด้วยประสบการณ์ในการออกแบบระบบ CRM, Marketing Automation และการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกฝ่ายในองค์กร เรานำโซลูชันของ Salesforce มาใช้เป็นแกนหลักในการสร้างระบบการขาย การบริการ และการวิเคราะห์ที่สอดประสานกันอย่างไร้รอยต่อ
เราเชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจภาคการผลิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการผลิตเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจากความสามารถในการมองเห็นลูกค้าได้แบบ 360 องศา มีข้อมูลที่ช่วยให้สามารถคาดการณ์ยอดขายอย่างแม่นยำ และมีการเชื่อมต่อระหว่างฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต และฝ่ายบริการแบบเรียลไทม์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน
หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงระบบภายในองค์กรให้ทันสมัย พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัล M Intelligence คือพาร์ตเนอร์ที่พร้อมวางกลยุทธ์และลงมือไปกับคุณทุกขั้นตอน เริ่มต้นวางแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ตั้งแต่วันนี้ ติดต่อเราเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านของธุรกิจการผลิตกลายเป็นโอกาสในการเติบโตระยะยาวอย่างแท้จริง
ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !
*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Salesforce (CRM) ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ